เมื่อแอนิเมชันระดับรางวัลกลับมาโลดแล่นอีกครั้งในเวอร์ชันคนแสดงจริง ก็เรียกได้ว่าแฟนๆ ทั่วโลกต่างตั้งตารอเจ้า “เขี้ยวกุด” มังกรพันธุ์ Night Fury ที่ครองใจผู้ชมด้วยความฉลาด ซื่อสัตย์ และลุคสุดน่ารัก
ในมุมของสายเนิร์ดวิศวกรรมแล้ว การได้เห็นฉากที่เขี้ยวกุด “บินไม่ได้” ในช่วงแรกของเรื่อง กลับกลายเป็นจุดที่ชวนตั้งคำถามและหยิบยกมาวิเคราะห์ต่อได้อย่างน่าสนใจ เพราะเบื้องหลังภาพน่ารักเหล่านั้น แฝงไว้ด้วยหลักการทาง วิศวกรรมการบิน อย่างชัดเจน
บทความนี้ผมจะขอพาทุกท่าน ไปเจาะลึกสาเหตุที่ “เขี้ยวกุดบินเองไม่ได้” ผ่านมุมมองของวิศวกร โดยจะขอยกตัวอย่างจาก เครื่องบิน มาอธิบายประกอบ เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายและสนุกไปพร้อมกัน
ทำไม? เขี้ยวกุดจึงบินด้วยตนเองไม่ได้
หากเปรียบเทียบกับเครื่องบิน ที่บินอยู่บนท้องฟ้า นอกจากที่ปีกจำเป็นจะต้องสร้างแรงยก เพื่อให้เครื่องบินสามารถพยุงตัวให้ลอยอยู่ในอากาศได้ หรือแรงขับที่มีความจำเป็นจะต้องเอาชนะแรงต้านอากาศ เพื่อให้เครื่องบินสามารถบินได้ด้วยความเร็วที่เพียงพอที่จะสร้างแรงยก ยังมีอีกหลายปัจจัยที่นักออกแบบจำเป็นต้องคำนึงถึง เพื่อให้การทำงานของเครื่องบินอยู่ในสภาพที่เหมาะสมและปลอดภัย ยกตัวอย่างเช่น ความสามารถในการควบคุมและตอบสนองที่สามารถคาดการณ์ได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้นั้น เครื่องบินจำเป็นต้องมีความเสถียรภาพ หรือที่เราเรียกว่า Aircraft Stability นั่นเอง
การที่เขี้ยวกุดไม่มีแปลนหางนั้น อาจจะทำให้เขี้ยวกุดไม่มีเสถียรภาพทางการบินก็เป็นไปได้…
ความเสถียรทางการบิน…เกิดขึ้นได้จากสมดุลของโมเมนต์ที่เกิดขึ้นจากแรงยกในแต่ละพื้นผิว สมมติว่าเขี้ยวกุดกำลังร่อนอยู่บนอากาศ ปีกจะทำหน้าที่สร้างแรงยก และแปลนหางเองก็เช่นกัน แรงยกที่เกิดขึ้นจากสองพื้นผิวจะมีส่วนทำให้เกิดความเสถียรในการบิน
อธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้น เมื่อเขี้ยวกุดพยายามที่จะเชิดหน้าเพื่อบินให้สูงขึ้น แรงยกจากหางจะพยายามทำให้เขี้ยวกุดกลับมาอยู่ในท่าทางที่สมดุล หรือในกรณีที่มีลมปะทะจากด้านข้าง หลายๆ ท่านอาจจะคิดว่าเขี้ยวกุดจะถูกพัดให้ไถลไปกับลม แต่หากเขี้ยวกุดมีเสถียรภาพในการบิน แปลนหางจะพยายามทำให้เขี้ยวกุดหันหน้ากลับมาปะทะลมเพื่อร่อนต่อไปได้นั่นเอง

เสถียรภาพทางการบิน (Aircraft Stability)
เป็นสิ่งที่ใช้อธิบายว่าเครื่องบินจะตอบสนองอย่างไร? เมื่อมีการรบกวนจากปัจจัยภายนอก ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยธรรมชาติ อย่างเช่น ลม หรือจะเป็นการควบคุมโดยนักบินเองก็ตาม โดยส่วนมากความเสถียรของเครื่องบินจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
ความเสถียรเชิงสถิต (Static Stability)
คือการตอบสนองระยะสั้นของเครื่องบินเมื่อเกิดแรงรบกวนต่อทิศทางการเคลื่อนที่ของมัน
เมื่อเกิดแรงรบกวน เครื่องบินสามารถแสดงพฤติกรรมได้ 3 รูปแบบ ได้แก่
- เสถียรภาพเชิงบวก (Positive Static Stability) กล่าวคือ เครื่องบินจะต้านทานแรงรบกวนและพยายามกลับสู่ตำแหน่งหรือท่าทางปกติอัตโนมัติ
- เสถียรภาพเป็นกลาง (Neutral Static Stability) กล่าวคือ เครื่องบินจะไม่พยายามกลับสู่ท่าทางเดิม แต่ก็จะไม่เบี่ยงเบนออกไปมากกว่าเดิม หรือกล่าวได้ว่าเครื่องบินจะคงอยู่ในตำแหน่งใหม่ต่อไปเรื่อยๆ
- เสถียรภาพเชิงลบ (Negative Static Stability) กล่าวคือ เครื่องบินจะเบี่ยงเบนออกจากตำแหน่งเดิม มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นลักษณะไม่พึงประสงค์ในการบินที่ปลอดภัย

เครื่องบินบางลำอาจแสดงความเสถียรเชิงสถิตที่ดี กล่าวคือเมื่อถูกเบี่ยงเบนก็จะพยายามกลับสู่ท่าทางเดิม แต่.. เมื่อเวลาผ่านไปพฤติกรรมของมันอาจจะเปลี่ยนแปลงและกลายเป็นไม่เสถียรก็ได้..ในกรณีนี้ เราจะเรียกว่าเครื่องบินขาดเสถียรภาพเชิงพลวัต (Dynamic Unstable)
เสถียรภาพเชิงพลวัต (Dynamic Stability)
คือการวัดพฤติกรรมของเครื่องบินหลังจากที่ไม่มีแรงรบกวน อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ คือ เมื่อแรงรบกวนหายไป ในช่วงแรกหากเครื่องบินมีความเสถียรเชิงสถิตเครื่องบินจะพยายามกลับสู่ท่าทางเดิม แต่ไม่ได้การันตีว่าการพยายามกลับสู่สมดุลนั้นจะสำเร็จลุล่วงได้ เพียงแต่บ่งบอกแนวโน้มว่าเครื่องบินมีแนวโน้มที่จะกลับสู่สมดุล ความเสถียรเชิงพลวัตจึงใช้วัดว่าเมื่อเวลาผ่านไปช่วงหนึ่ง เครื่องบินจะสามารถคืนสู่สภาพสมดุลได้จริงหรือไม่ และจะใช้เวลานานเท่าใดในการคืนสู่สภาพสมดุลนั่นเอง

หางที่ขาดไปของเขี้ยวกุดก็เปรียบเสมือนอุปกรณ์หนึ่ง ที่เราเรียกว่า Vertical / Horizontal Stabilizer ของเครื่องบิน ซึ่งมีหน้าที่ช่วยปรับให้เครื่องบินมีความสมดุลโมเมนต์ทั้งในแกน Pitch และ Yaw
นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า..ทำไมการออกแบบหางเทียมของฮิคคัพจึงสามารถช่วยทำให้เขี้ยวกุดกลับมาอีกครั้งได้ ถึงฮิคคัพจะใช้เวลาอยู่พักใหญ่ ในการจะปรับพื้นที่ของแปลนหางให้เหมาะสมกับการสร้างแรงยก และสมดุลโมเมนต์ของเขี้ยวกุดก็ตาม
ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต?
ถึงแม้ว่า ฮิคคัพ จะประดิษฐ์หางเทียมให้กับ เขี้ยวกุด เพื่อช่วยสร้างสมดุลในการบินได้สำเร็จ แต่หากไม่คำนึงถึงพฤติกรรมของ แอโรอีลาสติก (Aeroelasticity) แล้ว เขี้ยวกุดก็อาจเผชิญกับปัญหาที่ทำให้ไม่สามารถบินได้อย่างมั่นคงเช่นเดิม
Aeroelasticity คืออะไร?
แอโรอีลาสติก (Aeroelasticity) คือศาสตร์ที่ใช้ศึกษาปฏิสัมพันธ์ระหว่างแรงแอโรไดนามิก (Aerodynamic force) กับแรงยืดหยุ่นของโครงสร้าง เช่นปีกเครื่องบิน หรือในกรณีนี้คือแปลนหางเทียมของเขี้ยวกุด
เมื่อวัตถุที่มีความยืดหยุ่นสูงถูกอากาศพัดผ่าน มักจะเกิดการโก่งงอหรือบิดตัว ซึ่งมักจะส่งผลต่อทิศทางของกระแสอากาศที่ไหลผ่าน กลายเป็นปฏิกิริยาที่โต้ตอบกันไปมา หากปฏิกิริยานี้ไม่ถูกควบคุมให้ดีพอ อาจนำไปสู่ปรากฎการณ์สั่นสะเทือนที่รุนแรงจนปีกเสียสมดุลหรือโครงสร้างเสียหายได้
ฟลัตเตอร์ (Flutter)
ปรากฎการณ์สำคัญของแอโรอีลาสติก ที่เกิดจากปฏิสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องระหว่างแรงเฉื่อย แรงยืดหยุ่นและแรงแอโรไดนามิก ซึ่งนำไปสู่การสั่นสะเทือนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงตามมา
ไม่เพียงแค่อากาศยานเท่านั้นที่ต้องกังวลเรื่องฟลัตเตอร์ ปรากฎการณ์นี้ยังสามารถเกิดขึ้นได้กับโครงสร้างอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานที่ ที่มีลมแรงและมีการสั่นอย่างต่อเนื่อง เช่น เสาไฟ ป้ายจราจร สะพาน หรืออาคารสูง
ปัญหาในการวิเคราะห์โครงสร้างอากาศยาน (Aerostructure)

ในโลกของการออกแบบและวิเคราะห์โครงสร้างอากาศยาน กระบวนการวิเคราะห์มักเกิดขึ้นแยกส่วนกัน กล่าวคือ เราอาจจะใช้ CAD (ส่วนมากจะเป็น CATIA) แยกออกจากซอฟต์แวร์การวิเคราะห์ FEM หรือ การคำนวณ Margin of Safety ในอากาศยานอาจจะทำได้ผ่าน Excel ซึ่งก็ไม่ได้มีความเชื่อมต่อกับเครื่องมือใดๆ เลย ทำให้มีความเสี่ยงมากมาย เช่น
- การแปลข้อมูลข้ามซอฟต์แวร์ผิดพลาด
- เกิดการทำงานซ้ำเนื่องจากกระบวนการทำงานไม่มีประสิทธิภาพ
- หากมีการแก้ไขการออกแบบ สามารถทำได้ยาก
- เกิดความล่าช้าในการวิเคราะห์เพื่อให้ได้ใบรับรอง (Certification) ต่างๆ
เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ Siemens ได้พัฒนา Simcenter 3D Aerostructure เพื่อเป็นแพลตฟอร์มโครงสร้างอากาศยานแบบ end-to-end โดยครอบคลุมทุกขั้นตอนตั้งแต่
- การนำเข้า (Import) CAD
- การสร้างและปรับแต่งโมเดล FEM
- การวิเคราะห์ฟลัตเตอร์
- การคำนวณ Margin of Safety ตามมาตรฐานสากลหรือวิธีเฉพาะของแต่ละองค์กร
- การสร้างรายงานภายในซอฟต์แวร์เพื่อยื่นขอใบรับรอง (Certification)

ด้วยการทำงานในแพลตฟอร์มเดียว ผู้ใช้สามารถลดระยะเวลาในการพัฒนาและวิเคราะห์โครงสร้างได้ถึง 30% และสามารถปรับเปลี่ยน Geometry ได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านการทำงานที่เชื่อมโยง CAD/CAE โดยตรง
บทสรุป
เรื่องราวของเขี้ยวกุดไม่เพียงเป็นภาพยนตร์ที่อบอุ่นใจ แต่ยังสะท้อนหลักวิศวกรรมการบินได้อย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่เสถียรภาพทางอากาศไปจนถึงพฤติกรรมของโครงสร้างเมื่อเจอลมปะทะ
ในโลกความเป็นจริง วิศวกรไม่สามารถพึ่งพาเพียงความเข้าใจพื้นฐานได้ แต่ต้องมีเครื่องมือที่ช่วยให้การออกแบบและวิเคราะห์โครงสร้างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และแม่นยำ
Simcenter 3D Aerostructure จาก Siemens คือคำตอบ
แพลตฟอร์มแบบครบวงจรที่เชื่อมโยงการออกแบบ วิเคราะห์ และการรับรองมาตรฐานไว้ในที่เดียว
หาก ฮิคคัพ มี Simcenter 3D Aerostructure ตั้งแต่แรก เขาอาจช่วยให้ “เขี้ยวกุด” กลับมาบินได้เร็วขึ้น ปลอดภัยขึ้น และพร้อมลุยทุกภารกิจทางอากาศ…
👨🏻💻 เขียนและวิเคราะห์บทความโดย:
นิธิกิตติ์ ธนธีรารังสรรค์
Manufacturing Dept. Team Leader
ผู้เชี่ยวชาญและผู้ฝึกสอนโซลูชั่น CAE ที่มีประสบการณ์ในการวิเคราะห์และออกแบบอากาศพลศาสตร์ของอากาศยานไร้คนขับแบบไฟฟ้าและพลังงานแสงอาทิตย์ด้วยเทคนิคพลศาสตร์ของไหลเชิงคำนวณ (CFD) การวิเคราะห์และออกแบบกลไกกระเป๋าใส่เครดิตการ์ดแบบพกพา การวิเคราะห์สาเหตุการหยุดทำงานเนื่องจากปัจจัยความร้อนของ Outdoor Unit ในอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศ การวิเคราะห์การสูญเสียแรงดันในท่ออากาศ และอื่นๆ
Connect Author’s LinkedIn : www.linkedin.com/in/nithikitt