Key Features and Capabilities
1. อัลกอริธึมการจัดตารางขั้นสูง
เพิ่มประสิทธิภาพตารางการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดพร้อมลดเวลาหยุดทำงานให้น้อยที่สุด โดยพิจารณา
- ความสามารถของเครื่องจักร ความพร้อมของวัสดุ
- ข้อจำกัดด้านแรงงาน
- เวลาการตั้งค่า
- ลำดับความสำคัญของคำสั่งซื้อ
2. การเชื่อมกับระบบขององค์กร
การเชื่อมต่อกับระบบขององค์กร
- ระบบ ERP และ MES
- ทำให้มั่นใจว่าตารางการผลิตสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ
- เปิดใช้งานการแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบเรียลไทม์เพื่อการตัดสินใจที่ดีขึ้น
3.เครื่องมือการแสดงผลแบบภาพ
Opcenter Scheduling นำเสนอเครื่องมือการแสดงผลแบบภาพที่ใช้งานง่าย เช่น
- แผนภูมิ Gantt ช่วยให้ผู้วางแผนสามารถดู วิเคราะห์ และปรับตารางการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรและกระบวนการผลิต
4. การวิเคราะห์สถานการณ์และการจำลองสถานการณ์สมมติ
ผู้ใช้สามารถทำการวิเคราะห์สถานการณ์และจำลองสถานการณ์สมมติได้
- ช่วยผู้วางแผนประเมินสถานการณ์ต่างๆ
- ระบุปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
- สำรวจทางเลือกในการจัดตารางเพื่อการตัดสินใจอย่างมีข้อมูล
5.การเพิ่มประสิทธิภาพทรัพยากร
ซอฟต์แวร์นี้เพิ่มประสิทธิภาพ
- การจัดสรรและการใช้ทรัพยากร
- การสร้างสมดุลของภาระงานและลดเวลาว่างให้น้อยที่สุดเพื่อเพิ่มผลผลิตและปริมาณงานให้สูงสุด ในขณะที่ยังรักษาคุณภาพไว้
6.ความยืดหยุ่นและการปรับแต่ง
- รองรับกฎ ขั้นตอนการทำงาน และพารามิเตอร์ที่ผู้ใช้กำหนดเองได้ ซึ่งสามารถปรับแต่งได้เพื่อตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมการผลิตและสภาพแวดล้อมการผลิตที่หลากหลาย
7.การปฏิบัติตามข้อกำหนดและการตรวจสอบย้อนกลับ
สำหรับอุตสาหกรรมที่มีการควบคุม เช่น อากาศยานและยา Opcenter Scheduling นำเสนอคุณสมบัติสำหรับการติดตามและจัดทำเอกสารตารางเวลา เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นไปตามข้อกำหนดและอำนวยความสะดวกในการตรวจสอบ
8. การตรวจสอบแบบเรียลไทม์และการแจ้งเตือน
ซอฟต์แวร์นี้ได้จัดเตรียม
- การตรวจสอบแบบเรียลไทม์เพื่อติดตามความคืบหน้าการผลิต
- ทำให้แน่ใจว่ามีการปฏิบัติตามตารางเวลา
- แจ้งเตือนผู้ใช้เมื่อมีการเบี่ยงเบน
- ช่วยรักษาประสิทธิภาพ
- จัดการกับการหยุดชะงักอย่างรวดเร็ว
Description
การใช้งานในอุตสาหกรรม:
Opcenter Scheduling ถูกใช้อย่างแพร่หลายในหลากหลายอุตสาหกรรม รวมถึง
- ยานยนต์
- อากาศยาน
- อิเล็กทรอนิกส์
- เภสัชกรรม
- สินค้าอุปโภคบริโภค
- ภาคการผลิตแบบ discrete
ระบบนี้รองรับทั้งสภาพแวดล้อมการผลิตแบบ make-to-order และ make-to-stock โดยสนับสนุนความต้องการในการจัดตารางการผลิตที่ซับซ้อน และช่วยให้ผู้ผลิตตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยสรุป Opcenter Scheduling ช่วยให้บริษัทผู้ผลิตสามารถบรรลุความเป็นเลิศในการดำเนินงานโดย
- ปรับกระบวนการจัดตารางการผลิตให้เหมาะสมที่สุด
- ปรับปรุงผลิตภาพ
- ปรับกิจกรรมการผลิตให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจเชิงกลยุทธ์