OEE (Overall Equipment Effectiveness) หรือ ประสิทธิผลโดยรวมของเครื่องจักร เป็นตัวชี้วัดที่ใช้ประเมินประสิทธิภาพของกระบวนการผลิต โดยช่วยให้โรงงานสามารถวัดผลและปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องจักรได้อย่างมีประสิทธิผล ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในยุคของอุตสาหกรรม 4.0 ที่ต้องการเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และลดของเสีย
OEE วัดจากอะไร?
OEE คำนวณจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่
Availability (ความพร้อมใช้งาน)
- คำนวณจากเวลาทำงานจริงของเครื่องจักรเทียบกับเวลาที่ควรทำงาน
- ลดการหยุดทำงานที่ไม่จำเป็น เช่น การซ่อมบำรุงที่ไม่ได้วางแผน
Performance (ประสิทธิภาพการผลิต)
- วัดจากอัตราการทำงานของเครื่องจักร เทียบกับความเร็วที่กำหนด
- ช่วยลดความสูญเสียจากการทำงานช้าหรือสะดุด
Quality (คุณภาพของผลิตภัณฑ์)
- วัดเปอร์เซ็นต์ของผลิตภัณฑ์ที่ผลิตได้โดยไม่มีข้อผิดพลาด
- ลดของเสียจากกระบวนการผลิต
สูตรคำนวณ OEE คือ:
OEE = ความพร้อมใช้งาน × สมรรถนะ × คุณภาพ
ค่าของ OEE จะแสดงผลเป็นเปอร์เซ็นต์ ยิ่งค่า OEE สูง แสดงว่าเครื่องจักรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
วิธีการคำนวณ OEE และการนำไปใช้
ข้อมูลโรงงาน:
- เวลาผลิตที่วางแผน: 8 ชั่วโมง (480 นาที)
- Downtime ที่ไม่ได้วางแผน: 1 ชั่วโมง (60 นาที)
- เวลาการผลิตที่เหมาะสมต่อชิ้น: 1 นาที
- การผลิตที่เหมาะสมต่อชั่วโมง: 100 ชิ้น
- จำนวนที่ผลิตจริง: 90 ชิ้นต่อชั่วโมง
- จำนวนชิ้นที่ผลิตทั้งหมด: 90 × 7 ชั่วโมง = 630 ชิ้น
- จำนวนชิ้นที่มีข้อบกพร่อง: 35
- จำนวนชิ้นที่ดี: 630 – 35 = 595 ชิ้น
ขั้นตอนที่ 1: คำนวณ Availability
Availability (%) = (เวลาที่เครื่องจักรทำงานจริง ÷ เวลาที่ควรทำงาน) × 100
- Operating Time = 480 นาที – 60 นาที = 420 นาที
- Availability = (420 ÷ 480) × 100 = 87.5%
ขั้นตอนที่ 2: คำนวณ Performance
Performance (%) = (จำนวนชิ้นที่ผลิตทั้งหมด × เวลาการผลิตที่เหมาะสมต่อชิ้น) ÷ เวลาการทำงาน × 100
- Performance = (630 × 1) ÷ 420 × 100 = 90%
ขั้นตอนที่ 3: คำนวณ Quality
Quality (%) = (จำนวนชิ้นที่ดี ÷ จำนวนชิ้นที่ผลิตทั้งหมด) × 100
- จำนวนชิ้นที่ดี = 630 – 35 = 595
- Quality = (595 ÷ 630) × 100 = 94.4%
ขั้นตอนที่ 4: คำนวณ OEE
OEE = ความพร้อมใช้งาน × สมรรถนะ × คุณภาพ
OEE = 87.5% × 90% × 94.4%
OEE = 74.3%
OEE 74.3% หมายความว่าอะไร?
ค่า OEE 74.3% หมายความว่ากระบวนการผลิตใช้ ศักยภาพเต็มที่เพียง 74.3% ซึ่งยังมีโอกาสในการปรับปรุง เช่น การลด downtime, การเพิ่ม ความเร็วในการผลิต, และการลด ของเสีย.
โดยการปรับปรุงปัจจัยเหล่านี้, ผู้ผลิตสามารถ เพิ่มค่า OEE เพื่อ เพิ่มประสิทธิภาพ ลด ต้นทุน, และ ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตโดยรวม 🚀
ทำไม OEE จึงสำคัญต่อการผลิตยุคใหม่?
✅ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต – OEE ช่วยให้โรงงานสามารถระบุปัญหาที่ต้องปรับปรุงและเพิ่มผลผลิตได้
✅ ลดต้นทุน – ลดความสูญเสียจากเครื่องจักรหยุดทำงาน ของเสีย และกระบวนการที่ไม่มีประสิทธิภาพ
✅ สนับสนุนการทำ Digital Transformation – OEE เป็นพื้นฐานของระบบ Smart Factory ที่ใช้ข้อมูลจริงมาวิเคราะห์และพัฒนา
✅ ปรับปรุงการตัดสินใจ – ผู้บริหารสามารถใช้ข้อมูล OEE ในการวางแผนและบริหารจัดการกระบวนการผลิตได้ดียิ่งขึ้น
บทสรุป
จากประสบการณ์จริงผู้เขียน ค่า OEE โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 50% – 80% ขึ้นอยู่กับประเภทอุตสาหกรรมและมาตรฐานการวัดของแต่ละองค์กร อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เราอยากเน้นคือ การตรวจวัด OEE ทำให้เห็นโอกาสในการปรับปรุง ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน
OEE เป็นตัวชี้วัดสำคัญ ที่ช่วยให้โรงงานสามารถตรวจสอบและปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตได้อย่างเป็นระบบ การเพิ่มค่า OEE สามารถช่วย ลดต้นทุน เพิ่มกำไร และขับเคลื่อนโรงงานเข้าสู่แนวทาง Smart Factory ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หากคุณเพิ่งเริ่มต้น ลองวัดค่า OEE ของเครื่องจักรในโรงงานของคุณ และใช้ข้อมูลที่ได้เพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิตให้ดียิ่งขึ้น! 🚀